Last updated: 10 พ.ค. 2564 | 13723 จำนวนผู้เข้าชม |
บางคนอาจไม่ค่อยเข้าใจนัก หากมีคนมาบอกว่า สี และโลโก้คือสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของแบรนด์สินค้า หากลองยกตัวอย่างให้คนเหล่านั้นนึกถึงแบรนด์สินค้าที่ชื่นชอบขึ้นในใจ สิ่งแรกๆ ที่นึกถึงก็มักจะเป็นโลโก้ หรือสีของแบรนด์นั้นๆ เสมอ
จากงานวิจัยมากมายระบุไว้ว่า สี นั้นจะไปช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และสร้างการรับรู้ได้ ดังนั้นการเลือกสีของโลโก้ ผลิตภัณฑ์ หรือส่วนอื่นๆ จะส่งผลต่อการจดจำแบรนด์นั้นๆ ได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นส่วนแรกที่ผู้บริโภคมองเห็น ทั้งยังเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จะส่งผลในระยะยาวอีกด้วย
แต่นอกจากเรื่องสร้างการรับรู้แล้ว สีต่างๆ ก็มีความหมายที่แตกต่างกันออกไป และทำให้เกิดการตีความและความเข้าใจจากความรู้สึกแรกเมื่อได้เห็น วันนี้เราจะมาบอกความหมายของสีแต่ละสีกันค่ะ...
สีแดง
แสดงถึงความตื่นเต้น หลงใหล มีพลัง ความเร็ว เป็นสีที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัว มักถูกใช้ในป้ายลดราคา หรือป้ายเตือนต่างๆ เป็นสีที่ดึงดูดการมองเห็นได้เป็นอย่างดี
เหมาะกับธุรกิจประเภท : อาหาร, อุปกรณ์กีฬา, เทคโนโลยี
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีแดง : KFC, Pizza Hut, Coca cola (Coke), Kitkat
สีม่วง
แสดงความถึงความสง่างาม ซับซ้อน ลึกลับ โรแมนติก แข็งแกร่ง มีจินตนาการ สีม่วงเป็นสีแห่งอารมณ์และความผ่อนคลาย เป็นได้ทั้งสีโทนร้อนและสีโทนเย็น ขึ้นอยู่กับความเข้มของสี
เหมาะกับธุรกิจประเภท : สินค้าเกี่ยวกับผู้หญิง, เครื่องสำอาง, น้ำหอม, เครื่องประดับ, สายการบิน, เครื่องแต่งกาย
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีม่วง : การบินไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ศรีจันทร์, Cute Press
สีฟ้า หรือ น้ำเงิน
มีความหมายถึงความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ ปลอดภัย มั่นคง เป็นสีที่นิยมใช้มากที่สุดสีหนึ่ง ซึ่งเป็นโทนสีกลางๆ ที่สามารถใช้ได้กับทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นในธุรกิจอาหาร เพราะเมื่อใส่สีฟ้า หรือสีน้ำเงินมากเกินไปจะไปทำให้ลดความยากอาหารลง
เหมาะกับธุรกิจประเภท : พลังงาน, การเงิน, สายการบิน, เทคโนโลยี, สุขภาพ
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีฟ้า-น้ำเงิน : Facebook, Twitter, Samsung, Uniliver, ธนาคารกรุงเทพ
สีเขียว
เป็นสีที่แสดงถึงความสดชื่น สุขภาพดี ความสงบ ธรรมชาติ ปลอดภัย ซึ่งช่วงหลังๆ มานี้หลายๆ แบรนด์นิยมใช้สีนี้กันมากขึ้น เพราะต้องการเน้นความเป็นธรรมชาติ และสุขภาพ เป็นสีที่มีโทนเข้มและโทนอ่อนให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละโทนก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกันออกไป
เหมาะกับธุรกิจประเภท : สินค้า Organic, ร้านอาหาร, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, เครื่องดื่ม
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีเขียว : Starbucks, Grab, ร้านกาแฟ Amazon, ธนาคารกสิกรไทย
สีเหลือง
มีความหมายถึงความหวัง การมองในแง่ดี ความคิดสร้างสรรค์ ความสดใส ความสุข เป็นสีที่มีความฉูดฉาดพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคแม้อยู่ในระยะไกล และยังเป็นสีที่จับคู่กับสีอื่นๆ ได้ง่าย สามารถใช้กับธุรกิจได้แทบจะทุกประเภท
เหมาะกับธุรกิจประเภท : พลังงาน, อาหาร, ที่อยู่อาศัย
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีเหลือง : McDonald’s, Nok Air, Mr.DIY
สีส้ม
แสดงถึงความตื่นเต้น กล้าหาญ เป็นมิตร การผจญภัย เป็นสีที่อยู่ระหว่างสีเหลืองและสีแดง จึงเป็นอีกสีที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้บริโภคได้ และยังให้ความรู้สึกถึงความเป็นเพื่อน ไว้เนื้อเชื่อใจได้
เหมาะกับธุรกิจประเภท : อาหาร, สุขภาพ, เทคโนโลยี, ที่อยู่อาศัย
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีส้ม : SC ASSET, Shopee, Xiaomi, Kerry, Thaismile, Nike, Hermes
สีดำ
มีความหมายถึงความคลาสสิก หรูหรา เป็นอมตะ ลึกลับ และเป็นทางการ มักนำไปใช้กับบัตรเครดิต เพื่อแสดงถึงความหรูหรา มีระดับ แม้จะเป็นสีที่ไม่ค่อยมีความโดดเด่น แต่เมื่อแบรนด์ต้องการนำสีดำไปใช้เป็นหลัก ก็มักจะมีองค์ประกอบอื่นๆ อย่างลายเส้น เข้ามาช่วยให้ดูโดดเด่นขึ้น และไม่ให้ดูเรียบจนเกินไป ไม่เหมาะกับธุรกิจอาหาร
เหมาะกับธุรกิจประเภท : เครื่องแต่งกาย, เทคโนโลยี, ยานยนต์, เครื่องสำอาง
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีดำ : Chanel, YSL, Loreal, Banana IT
สีขาว
หมายถึงความบริสุทธิ์ สะอาด น้ำหนักเบา อ่อนโยน สีขาวจัดเป็นอีกสีที่มีความเรียบเช่นเดียวกับสีดำ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ มาช่วยทำให้เกิดความโดดเด่นขึ้นเช่นเดียวกัน
เหมาะกับธุรกิจประเภท : ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็ก, เครื่องสำอาง, สกินแคร์, สุขภาพ
ตัวอย่างแบรนด์ที่เลือกใช้สีขาว : Apple, THREE, Acne-Aid
เห็นได้ชัดว่า นอกจากสีจะแสดงถึงอารมณ์ ความรู้สึก ขณะที่ได้มองแล้ว ยังช่วยในการรับรู้แบรนด์อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมเลือกศึกษา และเลือกสีแบรนด์ของคุณเพื่อให้แบรนด์ของคุณ เป็นที่จดจำดังเช่นแบรนด์ดังๆ กันนะคะ
5 ก.ค. 2567
24 ธ.ค. 2564
31 ส.ค. 2564